หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีต้องทำอย่างไร?

การติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อเอชไอวีในเด็ก กรณีไม่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีระหว่างตั้งครรภ์ มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อให้ทารกสูงมาก ซึ่งการติดเชื้อเอชไอวีไม่เพิ่มความพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ แต่การติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มอัตราการแท้งบุตร ทารกโตช้าในครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย ทารกตายตอนคลอด และตายปริกำเนิด

แต่หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ที่เหมาะสม จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทาน สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัส และลดอัตราการถ่ายทอดเชื้อจไวรัสจากแม่สู่ทารก ฉะนั้นการดูแลหญิงตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนการให้ยาต้านไวรัส วางแผนการคลอดเพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ทารกในครภ์ และรวมถึงการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องหลังการคลอดบุตรทั้งแม่ และทารกด้วย

ถาม-ตอบ เกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์

คำถาม : ทำไมต้องไปตรวจหาเชื้อเอชไอวี?

การทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตัวเองเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองและคู่ของตัวเอง เพราะถ้ารู้ว่าติดเชื้อเอชไอวีเร็วเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดีได้มากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ยังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี อาจจะแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ หรือมีความพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ก็ควรไปตรวจหาเชื้อเอชไอวี

Antiretrovirals : ARV ยาต้านไวรัสหรือยารักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี

ยาต้านไวรัสเอชไอวี มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด เมื่อจำนวนเชื้อลดลง  ร่างกายก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น   โอกาสในการเจ็บป่วยด้วยโรคฉวยโอกาสจึงลดลง เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยส่วนมากสามารถทำงานและดำรงชีวิตตามปกติได้  และการเสียชีวิตจากโรคฉวยโอกาสก็เป็นไปได้น้อย

การกินยาต้านฯ มีข้อที่ต้องคำนึงอยู่หลายประการ เมื่อแพทย์วินิจฉัยและให้การรักษา  ผู้ติดเชื้อจะต้องประเมินว่าตนเองมีความพร้อมในการรับยาแล้วหรือยัง   เพราะการกินยาต้านฯ ต้องกินให้ถูกต้อง ตรงเวลา และต่อเนื่องตลอดชีวิต เนื่องจากยาไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปจากร่างกายได้  ยาจะช่วยควบคุมจำนวนเชื้อให้มีน้อยที่สุด การกินยาตรงเวลา และต่อเนื่อง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย และสามารถควบคุมเชื้อไว้ได้ตลอดเวลา

ยาต้านไวรัสเอชไอวี มีด้วยกันหลายชนิด ออกฤทธิ์แตกต่างกันไป การเลือกใช้ยา แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย   การรักษาที่จะให้ผลดี และช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ จะใช้ยา 3 ตัวรวมกัน หรือมากกว่า ที่เรียกว่า Highly Active Antiretroviral Therapy (HAART)

เพร็พ (PrEP) ยาต้านไวรัสก่อนมีความเสี่ยง

เพร็พ หรือ PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis ที่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ในการป้องกันเอชไอวี ในขณะที่การต่อสู้กับเชื้อเอชไอวีทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป เพร็พ ถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง

PEP ยาต้านฉุกเฉิน ช่วยป้องกัน HIV ได้จริงไหม?

PEP ยาต้านฉุกเฉิน เป็นยาที่ใช้สำหรับป้องกันโรคหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เป็นการรักษาเชิงป้องกันที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหลังจากมีความเสี่ยงมาเรียบร้อยแล้ว มันเกี่ยวข้องกับการใช้ยาต้านไวรัสภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยา PEP สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือถูกเข็มทิ่มตำในกรณีบุคลากรทางการแพทย์ PEP ทำงานโดยไปยับยั้งการจำลองแบบของไวรัสเอชไอวีในร่างกาย ป้องกันไม่ให้มีการติดลุกลาม ซึ่งจะได้ผลดีที่สุดเมื่อเริ่มภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากสัมผัสเชื้อ ยิ่งเริ่มการรักษาเร็วเท่าไหร่โอกาสในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น