โรคตับอักเสบเอ คืออะไร?
ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) เป็นโรคตับที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ Hepatitis A virus (HAV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสกลุ่ม picornavirus ทำให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลันของตับ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงตับอักเสบรุนแรงมาก โดยทั่วไปอาการจะหายเป็นปกติภายใน 2 เดือน
โดยมากมักจะพบในอุจจาระของคนที่เป็นโรคตับอักเสบเอ และมักจะติดต่อโดยการใกล้ชิดกับคนที่เป็น หรือจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสัมผัสสิ่งปนเปื้อนเชื้อไวรัสตับอักเสบเออยู่ โดยเชื้อจะเข้าฝังตัวในลำไส้ แล้วค่อยๆ กระจายไปสู่ตับ จนเกิดการอักเสบของตับหลังจากได้รับเชื้อราว 1-2 สัปดาห์ ส่งผลให้เกิดภาวะอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บชายโครงขวา ตัวเหลือง ตาเหลือง และตับวาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจส่งผลให้ตับวาย และเสียชีวิตได้ ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเอ สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลใกล้ชิดได้ง่าย แต่สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันหรือฉีดวัคซีนป้องกันก็จะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้เช่นกัน
อาการโรคไวรัสตับอักเสบเอ
- รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย และไม่สบาย มีไข้ต่ำๆ
- มีอาการปวดหัว ไอ และเจ็บคอ
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- แน่นท้อง ปวดท้อง ท้องร่วง ท้องผูก
- ปวดตามกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
- เจ็บที่ชายโครงด้านขวา หรือแน่นท้องใต้ชายโครงขวา
- ตับอักเสบแบบเฉียบพลันจนเป็นดีซ่าน ทำให้ตาเหลือง ตัวเหลือง
- อุจจาระสีอ่อน ปัสสาวะมีสีเข้ม
- คันตามผิวหนัง หรือมีผื่นคล้ายลมพิษ
- มีอาการง่วงซึม เกิดอาการสับสน
- มีภาวะทางอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย
- มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และไม่มีสมาธิ
- มีรอยช้ำเลือดเป็นจ้ำ และเลือดออกง่าย เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน
หากไม่ได้รักษาโรคนี้อย่างถูกวิธี อาจส่งผลให้เกิดภาวะตับแข็ง ตับวาย จนเสียชีวิตได้และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอีกด้วย
การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ
- ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
- ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีโอกาสปนเปื้อน
- ควรใส่ถุงมือเมื่อต้องสัมผัสอุจจาระคนอื่น และล้างมือให้สะอาด
- ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอ
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- วิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ คืออะไร?
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine) ทำมาจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ที่ตายแล้ว เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอเป็นการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ ที่ได้ผลเกือบ 100% และภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ จะอยู่ติดตัวไปได้ตลอด
- สามารถรับการฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน โดยสามารถขอคำแนะนำหรือปรึกษาแพทย์
- ภูมิคุ้มกันจะเริ่มหลังได้วัคซีนเข็มแรก 4 สัปดาห์และอยู่ได้นานประมาณ 20 ปี
- สามารถเริ่มให้ตั้งแต่เด็กอายุมากกว่า 1 ขวบ ที่เสี่ยงต่อการไดัรับไวรัสตับอักเสบเอ
- ขนาดของวัคซีนฉีด 3 เข็ม เดือนที่ฉีดคือเดือน 0 ครั้งต่อไป 6 และ 12 เดือน ตามลำดับ
- การให้วัคซีนสามารถให้พร้อมกับวัคซีนอื่น เช่น ไวรัสตับอักเสบบี บาดทะยัก วัคซีนป้องกันคอตีบ วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน เมื่อจะต้องไปประเทศที่มีการระบาดควรได้รับวัคซีน 4 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ
- ผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรค
- เด็กอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่จะเดินทางไปยังสถานที่ ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ซึ่งควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน
- ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอ
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ทั้งจากคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม เช่น สถานเลี้ยงเด็ก กองทัพ ผู้ดูแลผู้ป่วย หรือผู้ที่ทำงานในบ่อบำบัดน้ำเสีย
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และทางปาก มีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่ใช้ยาเสพติดทุกประเภท เป็นผู้ที่มีความเสี่ยง
- ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์
- บุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล หรือห้องปฏิบัติการ
- ผู้ที่ทำงานเป็นพ่อครัว แม่ครัว ที่ต้องเตรียมและทำอาหารอยู่เป็นประจำ
- ผู้ที่กำลังรักษาโรคที่เกี่ยวกับความเข้มข้นในการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือด
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ
- ผู้ที่เคยมีอาการแพ้วัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบเออย่างรุนแรงในเข็มแรก หรือแพ้ส่วนผสมสารในวัคซีน
- ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ไม่สบายเฉียบพลัน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน รอให้หายป่วยก่อนจึงค่อยมารับวัคซีน
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญ ก่อนที่จะรับการฉีดวัคซีน
- ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือมีเกร็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) เป็นภาวะที่เลือดมีจำนวนของเกล็ดเลือดน้อยกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- ผู้ที่เป็นโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์
ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ
โดยทั่วไปมักมีอาการน้อยมาก แต่ถ้ามี ก็มีอาการไม่มาก และสามารถหายเองได้ โดยมีอาการที่สามารถพบได้ดังนี้
- มีอาการเจ็บ ปวด บวม แดง และร้อนที่บริเวณที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอกำลังกระตุ้นร่างกายให้เกิดภูมิคุ้มกันอยู่
- เกิดตุ่มหนองหลังฉีดวัคซีนได้ แต่โอกาสที่จะเกิดแทบจะไม่มี หรือถ้ามีก็น้อยมาก และควรไปพบแพทย์
- อาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ถ่ายเหลว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หงุดหงิด ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อบุตาอักเสบ ไข้สูง
- มีอาการครั่นเนื้อตัว มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อ่อนเพลีย มีอาการคล้ายหวัด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายภายใน 1-2 วัน
- อาจทำให้มีไข้สูง เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ลมพิษ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงดังหวีด หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โอกาสที่จะเกิดอาการเหล่านี้มีน้อยมาก แต่ถ้าเป็นควรจะไปพบแพทย์ทันที
ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ ที่ภูเก็ตได้ที่ไหน?
ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก