การติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อเอชไอวีในเด็ก กรณีไม่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีระหว่างตั้งครรภ์ มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อให้ทารกสูงมาก ซึ่งการติดเชื้อเอชไอวีไม่เพิ่มความพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ แต่การติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มอัตราการแท้งบุตร ทารกโตช้าในครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย ทารกตายตอนคลอด และตายปริกำเนิด

แต่หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ที่เหมาะสม จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทาน สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัส และลดอัตราการถ่ายทอดเชื้อจไวรัสจากแม่สู่ทารก ฉะนั้นการดูแลหญิงตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนการให้ยาต้านไวรัส วางแผนการคลอดเพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ทารกในครภ์ และรวมถึงการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องหลังการคลอดบุตรทั้งแม่ และทารกด้วย

หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีต้องทำอย่างไร

หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี สามารถแพร่เชื้อให้ทารกในตั้งครรภ์ได้หรือไม่?

หากผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และมีเชื้อเอชไอวี ก็มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังทารกในครรภ์ได้ สามารถเกิดขึ้นได้ดังนี้

  • ในระหว่างตั้งครรภ์ เอชไอวีสามารถผ่านรกและทำให้ทารกในครรภ์ ติดเชื้อ ได้
  • ในระหว่างการคลอดบุตร และการคลอดบุตรทางช่องคลอด ทารกอาจได้รับเชื้อเอชไอวี ในเลือดและของเหลวอื่นๆ
  • ในระหว่างให้นมบุตร น้ำนมแม่ สามารถแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีไปยังทารกได้

แต่การมีเชื้อเอชไอวี ไม่ได้หมายความว่าจะมีลูกไม่ได้ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี สามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังลูกน้อย และปกป้องสุขภาพของตัวเองด้วย

การรักษาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี

การรักษาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีได้ดังนี้

  • ถ้าหญิงตั้งครรภ์ มีผลการทดสอบเป็นบวกในระหว่างตั้งครรภ์ จะได้รับยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์ โดยส่วนใหญ่จะได้รับยาต้านไวรัสสามชนิด
  • ความเสี่ยงของยาต้านไวรัสเหล่านี้สำหรับทารกในครรภ์ยังมีความเสี่ยงต่ำ หญิงตั้งครรภ์อาจได้รับการตรวจอัลตราซาวนด์อีกครั้งในช่วงไตรมาสที่สอง
  • เชื้อเอชไอวีอาจพบได้ในหญิงตั้งครรภ์ เมื่อตอนคลอดบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหญิงตั้งครรภ์ไม่เคยได้รับการดูแลก่อนคลอดมาก่อน หรือไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี ถ้าเป็นเช่นนั้นจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทันที บางครั้งยาเหล่านี้จะได้รับผ่านทางหลอดเลือดดำ (IV)
  • หากผลบวกครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างการคลอดบุตร การรับยาต้านไวรัสทันทีระหว่างการคลอดสามารถลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในทารกลงได้ประมาณ 10%

การดูแลทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี

ทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี ต้องเริ่มรับยาต้านไวรัสภายใน 6 ถึง 12 ชั่วโมงหลังคลอด ควรรับกินยาต้านไวรัสเอชไอวี ตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไปเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอด

การให้นมบุตรของแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี

แม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีไม่ควรให้นมบุตร เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังทารกผ่านทางน้ำนมแม่ ถึงแม้ว่าแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีจะกินยาต้านไวรัสเอชไอวีก็ตาม

ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสเอชไอวีต่อหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี

ยาต้านไวรัสเอชไอวี อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ซึ่งผลข้างเคียงที่ได้พบบ่อย เช่น อาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อ  หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่พบได้น้อย เช่น โรคโลหิตจาง ความเสียหายของตับ และโรคกระดูกพรุน ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ควรปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยาต้านเอชไอวีแต่ละชนิดที่กิน กับแพทย์ที่ทำการดูแลขณะตั้งครรภ์

การป้องกันแพร่เชื้อเอชไอวีสู่ทารกในครรภ์

การป้องกันแพร่เชื้อเอชไอวีสู่ทารกในครรภ์

มีหลายขั้นตอนที่หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถทำได้เพื่อช่วยป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีสู่ทารกในครรภ์ ดังนี้

  • การกินยาต้านไวรัสเอชไอวี เพราะยาต้านไวรัสเอชไอวี ช่วยลดปริมาณเอชไอวีในร่างกาย (ปริมาณไวรัส) ให้อยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีเป้าหมาย คือ ทำให้ปริมาณไวรัสลดต่ำลง จนการทดสอบในห้องปฏิบัติการมาตรฐานตรวจไม่พบ ที่เรียกว่า ปริมาณไวรัสที่ตรวจไม่พบ การมีปริมาณไวรัสที่ตรวจไม่พบเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี
    ยาเหล่านี้จะช่วยปกป้องสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี เพราะยาต้านไวรัสเอชไอวีส่วนใหญ่ปลอดภัยที่จะใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ มักไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด สิ่งที่สำคัญ คือต้องพูดคุยกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับความเสี่ยง และประโยชน์ของยาต้านไวรัสเอชไอวีแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถตัดสินใจร่วมกันว่ายาตัวไหนที่เหมาะกับเรา
  • ผ่าตัดคลอดลูก หากปริมาณไวรัสยังลดลงไม่เพียงพอ การผ่าตัดคลอด (C-Section) สามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังทารกได้ เพราะระหว่างการคลอดบุตร และการคลอดบุตร หากมีการสัมผัสเลือดของมารดา และสารคัดหลั่งในช่องคลอด จะทำให้ทารกเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น
  • การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีแก่ทารก ทารกจะต้องได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยเร็วที่สุดหลังคลอด ยาจะช่วยปกป้องทารกจากการติดเชื้อเอชไอวีที่ส่งผ่านจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีระหว่างการคลอดบุตร ซึ่งยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ทารกจะได้รับขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงปริมาณไวรัสของแม่ก่อนที่จะคลอดบุตร โดยทารกจะต้องกินยาเป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีหลายครั้งในช่วงสองสามเดือนแรก
    อย่าให้นมลูก ทารกสามารถติดเชื้อเอชไอวีได้ ผ่านการกินนมแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี ฉะนั้นควรให้นมผงสำหรับทารกแทนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

หากปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 99 จะไม่แพร่เชื้อเอชไอวีสู่ทารกในครรภ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเชื้อเอชไอวี ที่วางแผนที่จะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีที่ส่งผลต่อสุขภาพของแม่ในระหว่างตั้งครรภ์ และสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ที่ดีก่อน ที่จะเริ่มการตั้งครรภ์ เพราะจะเป็นการช่วยลดโอกาสที่จะแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีไปยังทารกเมื่อเกิดการตั้งครรภ์

ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก