ผู้หญิงทุกคน คุณเคยมีอาการดังต่อไปนี้หรือเปล่า? อารมณ์แปรปรวนก่อนมีประจำเดือน เศร้า หดหู่ เซ็ง หงุดหงิดง่าย ร้องไห้บ่อย ปวดหัวตัวร้อนไข้ขึ้น ตัวบวมท้องอืด  น่าเบื่อไปหมดทุกอย่าง อาการเหวี่ยงวีนของสาวๆ บางทีสาวๆ อย่างเราก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย ซึ่งจะเป็นช่วงสัปดาห์ก่อนประจำเดือน อาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณบอกว่าประจำเดือนกำลังจะมา เรามาเช็คอาการที่มักจะเป็นก่อนมีประจำเดือน ว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มอาการแบบไหน ต้องรักษาไหม?

PMS (Premenstrual Syndrome) คืออะไร?

คือ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลายๆชนิดในร่างกายของผู้หญิง เป็นภาวะอาการที่รู้สึกว่าตนเองป่วย มี

  • อาการทางร่างกาย เช่น เจ็บและคัดตึงที่เต้านม  น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น  หิวบ่อย อยากอาหารตลอดเวลา หรือไม่อยากอาหารเลย ตัวบวม ไม่มีแรง ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดท้องน้อย ท้องอืด ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ สิวขึ้น
  • อาการทางด้านจิตใจ อารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย เครียด กังวลหรือซึมเศร้า เบื่อหน่าย อารมณ์แปรปรวน

ซึ่งอาการทั้งด้านร่างกาย และจิตใจเหล่านี้ โดยอาจเกิดอาการเฉลี่ยอยู่ที่ 7-10 วันก่อนการมีประจําเดือน อาการจะดีขึ้นหลังหมดประจำเดือน PMS มักไม่ทำให้เกิดอาการร้ายแรง โดยพบได้มากถึงกว่า 80% ของผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี แต่ในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการร้ายแรงอย่าง Premenstrual Dysphoric Disorder (PMDD)ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะพบเพียง 2-10% จากจำนวนหญิงที่มีประจำเดือนทั้งหมดค่ะ

ทำความรู้จัก PMS และ PMDD เกี่ยวข้องอย่างไรกับประจำเดือน

PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) คืออะไร?

คือ กลุ่มอาการผิดปกติทางอารมณ์และจิตใจอย่างรุนแรงก่อนมีประจำเดือน โดยมีอาการโดดเด่นทางด้านอารมณ์เด่นๆ แบ่งออกเป็น 4 อย่าง คือ

  • อารมณ์หงุดหงิดง่าย พบบ่อยเป็นอันดับหนึ่ง บางครั้งไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ อารมณ์รุนแรง
  • อารมณ์เศร้า เช่น เบื่อหน่าย สิ่งเดิมที่เคยชอบก็ไม่อยากทำ หดหู่มากขึ้น ท้อแท้และเศร้าเป็นอย่างมาก
  • อารมณ์กังวล บางครั้งเป็นความกังวลล่วงหน้า กังวลกับสิ่งเดิมที่ยังไม่เคยเกิด กังวลมากขึ้น
  • อารมณ์อ่อนไหวง่ายมากขึ้น แปรปรวนและเปลี่ยนแปลงไปได้ง่าย

ซึ่งอาการทางด้านอารมณ์ดังที่กล่าวมาจะรวมกับอาการทางด้านร่างกาย พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง เช่น การรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป ทานมากขึ้นหรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด การนอนเปลี่ยนแปลงไป นอนน้อยหรือนอนเยอะขึ้น สมาธิกับการจดจ่อกับสิ่งต่างๆแย่ลง อาจนำไปสู่ความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อเฉพาะในช่วงก่อนมีประจำเดือน ลักษณะของ PMDD จะต้องมีอาการ 7-10 วันก่อนประจำเดือนมาอย่างน้อย 2 รอบประจำเดือน เนื่องจาก PMDD ค่อนข้างรุนแรง จึงอาจจำเป็นต้องพบแพทย์

แนวทางการรักษา และการดูแลสุขภาพโดยรวมของ PMS และPMDD

การดูแลตนเองให้ห่างไกล PMS และPMDD

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน แคลเซียมและใยอาหาร เช่น ธัญพืชขัดสีน้อย ผัก และผลไม้ นม และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูง โดยแบ่งรับประทานเป็นมื้อย่อย ๆ ในแต่ละวัน เพื่อลดอาการท้องอืด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกาย สัปดาห์ 3–5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าและอาการซึมเศร้าได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง และจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ การนวดผ่อนคลาย และการอ่านหนังสือ
  • จดบันทึก ระยะเวลา และอาการ PMS ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน เพื่อเตรียมการรับมือกับอาการที่จะเกิดขึ้น

การใช้ยา

ยาที่ใช้บรรเทาอาการ PMS ประกอบด้วยยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และยาที่แพทย์สั่งจ่าย ดังนี้

  • ยา NSAIDs เช่น ยาพาราเซตามอล ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และยานาพรอกเซน (Naproxen) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ อาการปวดเกร็งท้อง หรืออาการเจ็บเต้านม
  • ยาต้านเศร้า (Antidepressants) อย่างยากลุ่ม SSRI เช่น ยาฟลูอ็อกเซทีน (Fluoxetine) ยาพาร็อกซีทีน (Paroxetine) และยาเซอร์ทราลีน (Sertraline) เพื่อใช้รักษาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลที่เกิดจาก PMS หรือรักษาอาการขั้นรุนแรงอย่าง PMDD ซึ่งยานี้มักต้องรับประทานติดต่อกันจนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการทางอารมณ์ก่อนการเริ่มมีประจำเดือนประมาณ 2 สัปดาห์
  • ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ใช้ในกรณีที่มีอาการแขนขาบวม ท้องอืด หรือน้ำหนักขึ้นโดยที่การควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเกลือสูงและการออกกำลังกายไม่ได้ผล ยาขับปัสสาวะ อย่างยาสไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) จะช่วยระบายของเหลวที่สะสมในร่างกายออกผ่านทางปัสสาวะ และบรรเทาอาการบวมน้ำจาก PMS
  • ยาคุมกำเนิด จะช่วยยับยั้งการตกไข่ และช่วยบรรเทาอาการ PMS เช่น อาการปวดเกร็งท้อง ปวดศีรษะ หรือปวดตามร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิดอาจทำให้กิดผลข้างเคียงได้ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
  • อาหารเสริมบางชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี 6 วิตามินดี วิตามินอี และน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรส (Evening Primrose Oil) อาจช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการรับประทาน

การรักษาด้วยวิธีการอื่น

การรักษาอาการ PMS ในผู้ป่วยบางรายอาจใช้การรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ เช่น การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการ และการบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) ซึ่งช่วยจัดการกับสภาวะอารมณ์ในแง่ลบที่เกิดจาก PMS และช่วยลดการรับประทานยาที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายของผู้ป่วย

ติดต่อเรา

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก