ช่องคลอดมีกลิ่นอาจเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนกังวลใจ แต่รู้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วผู้หญิงอาจจะมีกลิ่นในช่องคลอดได้เล็กน้อย หรือบางครั้งไม่มีกลิ่นเลย   แต่หากมีกลิ่นฉุนเหม็นคาวมาก มีตกขาวผิดไปจากปกติ และมีอาการคัน หรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอดร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมีโรคหรือความผิดปกติที่ไม่ควรละเลย การรับรู้กลิ่นในช่องคลอดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิง สามารถดูแล และรักษาที่เหมาะสม เพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์จากช่องคลอดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สุขอนามัย การอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ในบางกรณีอาจดูแลรักษาได้ด้วยตนเอง แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจสอบหาสาเหตุและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสม

ช่องคลอด คืออะไร?

ช่องคลอด เป็นช่องกลวง ต่อจาก ปากมดลูก (ซึ่งเป็นอวัยวะในอุ้งเชิงกราน) เปิดออกสู่ภายนอก มีหน้าที่เป็น ช่องทางที่ใช้ร่วมเพศ และเป็น ช่องทางคลอดทารก และระบายรก ภายในช่องคลอดประกอบไปด้วยสารคัดหลั่งต่างๆ และแบคทีเรียชนิดดี อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เพื่อรักษาค่าความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอด (pH) ให้สมดุล โดยในช่องคลอดที่มีสุขภาพดี ปกติ จะมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4.5 คือเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งการรวมกันของสารคัดหลั่งในช่องคลอดและแบคทีเรียสามารถปล่อยกลิ่นบางอย่างได้ กลิ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นธรรมชาติและเป็นปกติ แต่มีบางครั้งที่กลิ่นเหม็นที่มากขึ้นก็เป็นสัญญาณของปัญหาในช่องคลอดได้

กลิ่นจากช่องคลอดที่ปกติ เป็นอย่างไร?

เรายังไม่มีคำจำกัดความของกลิ่นจากช่องคลอดที่ปกติ ว่าเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนใหญ่จะถือว่ากลิ่นนั้นปกติ ถ้าผู้อื่นอยู่ห่างจากช่องคลอดประมาณ 1 ฟุตแล้วไม่ได้กลิ่นของอวัยวะเพศ แต่หากว่ากลิ่นจากช่องคลอดนั้นนั้นฉุน หรือเหม็นมาก หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่น ช่องคลอดหรืออวัยวะเพศเจ็บปวด หรือแสบร้อน หรืออาการคัน หรือมีตกขาวผิดปกติ ก็ควรจะได้รับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสม

ความสำคัญของกลิ่นเหม็นจากช่องคลอดผู้หญิง

สาเหตุของกลิ่นเหม็นจากช่องคลอด

กลิ่นในช่องคลอดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวันในระหว่างรอบเดือน กลิ่นอาจสังเกตได้ชัดเจนเป็นพิเศษหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่การออกกำลังกายและเหงื่อออกอาจทำให้เกิดกลิ่นในช่องคลอดได้ ซึ่งมีหลายสาเหตุดังนี้

  • สุขอนามัยที่ไม่ดี มีสิ่งสกปรกตกค้างบริเวณช่องคลอด แล้วไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาดกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป เช่น ไม่รักษาความสะอาด ไม่อาบน้ำทำความสะอาดอวัยวะเพศ ทำให้หมักหมมสิ่งสกปรกจนเกิดการอักเสบ หรือลืมเปลี่ยนผ้าอนามัยเป็นเวลานาน ๆ เพิ่มการสะสมของเชื้อโรคเกิดการอักเสบได้เช่นกัน
  • ช่องคลอดมีกลิ่นจากอาหารที่รับประทานอาหาร ก็ส่งผลต่อกลิ่นของอวัยวะเพศของคุณผู้หญิงด้วย กระเทียม หัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง และแกงกะหรี่ เป็นอาหารที่มีกลิ่นไม่กี่อย่างที่รู้ว่ามีผลต่อกลิ่นของร่างกาย นอกจากนี้ คุณผู้หญิงอาจต้องสังเกตุอาหารเฉพาะถิ่นบางอย่าง เช่น ปลาร้า อาหารหมักดอง อาหารทะเล ฯลฯ ที่อาจทำให้ตกขาวมีกลิ่นมากขึ้นได้เช่นกัน
  • ยา / อาหารเสริม มียาหลายชนิดที่ส่งผลต่อสุขภาพของช่องคลอดคุณผู้หญิง ทำให้เกิดความผิดปกติได้ เช่น
    • ยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะ (antibiotics) สามารถส่งผลกระทบต่อความสมดุลของแบคทีเรียดีที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดของคุณผู้หญิง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นและตกขาวผิดปกติได้
    • ยาแก้แพ้ (antihistamines) ในคุณผู้หญิงที่รักษาภูมิแพ้ การได้รับยาแก้แพ้นอกจากจะช่วยลดน้ำมูกได้แล้ว ตัวยาก็สามารถนำทำให้สารคัดหลั่งในช่องคลอดลดลง แห้งลง ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดกลิ่นได้
    • นอกจากนี้การรักษาด้วยสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ ก็สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในช่องคลอดได้เช่นเดียวกัน
  • เหงื่อ ผิวหนังรอบอวัยวะเพศของคุณผู้หญิง มีแนวโน้มที่จะเหงื่อออกมากเกินไป เมื่อเหงื่อรวมกับสารคัดหลั่งของช่องคลอด อาจทำให้มีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องคลอดหรืออวัยวะเพศได้มาก ซึ่งจริงๆแล้วนี่เป็นกลิ่นตามธรรมชาติ แต่ก็อาจจะเป็นกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์มากนัก เพื่อลดกลิ่นให้น้อยที่สุด คุณผู้หญิงควรเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากออกกำลังกายและสวมผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    • ฮอร์โมนของเพศหญิง จะมีปริมาณในร่างกายต่างกันไปในแต่ละช่วงของรอบประจำเดือน ทำให้แต่ละช่วงของรอบประจำเดือนก็จะมีกลิ่นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้การรักษาด้วยฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิดก็มีผลต่อค่า pH และกลิ่นในช่องคลอดเช่นกัน
    • วัยหมดประจำเดือนจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง ซึ่งทำให้เป็นโรคติดเชื้อราในช่องคลอด และ BV เพิ่มขึ้นได้มาก
  • ผ้าอนามัย หรือวัตถุต่างๆที่ถูกลืม ตกค้างอยู่ในช่องคลอด
    • หากมีอะไรตกค้างอยู่ในช่องคลอด จะมีกลิ่นหนึ่งที่เหม็นมาก ท่านที่เคยมีประสบการณ์ลืมเปลี่ยนผ้าอนามัยแบบสอดจะทราบดี อาจรู้สึกเหม็นเหมือนมีอะไรมุดเข้าไปตายในช่องคลอดของคุณผู้หญิง ซึ่งกลิ่นที่เหม็นมากนี้จะหายได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่นำผ้าอนามัย หรือวัตถุที่ตกค้างอยู่นั้นออก
    • หากลืมผ้าอนามัยแบบสอด หรือถุงยางอนามัยหลุดคาไว้ในช่องคลอดเป็นเวลานาน ก็สามารถนำไปสู่การติดเชื้อร้ายแรง ได้ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพบแพทย์หากไม่สามารถดึงเอาออกได้ด้วยตนเอง
  • การสวนล้างช่องคลอด (Douching)
    • การสวนล้างช่องคลอด เพื่อกำจัดกลิ่นภายในช่องคลอดหรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็แล้วแต่ มันจะเปลี่ยนความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ดีเพิ่มขึ้นได้
    • ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายในช่องคลอดของคุณ ไม่มี ความจำเป็นที่จะสวนล้างช่องคลอด ไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหย หรือยาฆ่าเชื้อ หรือยาใดๆสวนล้างภายในช่องคลอด เนื่องจากโดยธรรมชาตินั้นหากคุณผู้หญิงไม่ได้มีการติดเชื้อใดๆ ตัวช่องคลอดก็สามารถที่จะดูแลความสะอาดของตัวมันเองได้
    • หากช่องคลอดของคุณมีกลิ่นแต่ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย คุณอาจลองดื่มน้ำเพิ่มขึ้น งดอาหารที่มีกลิ่น งดอาหารหมักดอง เพิ่มสุขอนามัยที่เหมาะสมโดยทำความสะอาดพื้นที่ภายนอกของช่องคลอด (บริเวณแคมใหญ่และแคมเล็ก) ด้วยสบู่อ่อนๆหรือสบู่สำหรับเด็ก หากกลิ่นยังคงมีอยู่อาจพิจารณาตรวจการติดเชื้อเพิ่มเติมด้วยตนเอง หรือพบแพทย์
  • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis: BV)
    • ภายในช่องคลอดผู้หญิง จะมีแบคทีเรียที่มีสุขภาพดีอาศัยอยู่ แต่ถ้ามีอะไรรบกวนในช่องคลอดก็จะทำให้แบคทีเรียที่ก่อโรค เช่น BV สามารถเข้าไปอยู่ในช่องคลอดแทนที่แบคทีเรียที่ดี ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและอาการผิดปกติได้
    • BV ส่วนใหญ่เกิดจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย gardnerella vaginalis แต่ก็อาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่นๆได้หลายชนิด
    • อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ได้แก่ การมีตกขาวสีเทาบาง ๆ ปริมาณมาก และมีกลิ่นเหม็นคาว คล้ายกลิ่นปลาเค็ม (Fishy odor) โดยกลิ่นนั้นจะเหม็นมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับน้ำอสุจิของผู้ชาย หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นหากคุณผู้หญิงสังเกตเห็นว่ามีกลิ่นเหม็นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ก็ควรจะสงสัยโรคนี้ไว้
    • การเป็น BV นั้นน่ารำคาญและสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ แต่ว่าโรคนี้สามารถรักษาได้ง่ายด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • การติดเชื้อทริโคโมแนส หรือปรสิตในช่องคลอด (Trichomoniasis) เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากปรสิตที่ชื่อว่า Trichomonas อาจทำให้เกิดกลิ่นคาวคล้าย BV หรือมีกลิ่นเหม็นอับได้ อาการทั่วไปอีกอย่างหนึ่งของการติดเชื้อชนิดนี้ คือการตกขาวสีเหลืองแกมเขียว
  • การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ช่องคลอดมีกลิ่นอาจเกิดจากการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะทำให้มีการตกขาว หรือช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นผิดปกติได้ และมีอาการปวดท้องรุนแรง หรือมีไข้สูง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย แนะนำว่าควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคโดยเร็ว  เช่น
    • หูดที่อวัยวะเพศจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus: HPV)
    • การป่วยโรคทริโคโนสิส (Trichinosis) จากปรสิตทริคิเนลล่า สไปราลิส (Trichinella Spiralis)
    • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Inflammatory Disease: PID)
    • การอักเสบที่เกิดจากเชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Thrush)
    • สาเหตุอื่น ๆ: มักพบได้ไม่บ่อยนัก เช่น ความผิดปกติของลำไส้ที่ทวารหนักทะลุเข้าสู่ช่องคลอด (Rectovaginal Fistula) มะเร็งปากมดลูก มะเร็งในช่องคลอด
  • รอยทะลุระหว่างช่องทวารหนักและช่องคลอด (Recto-vaginal fistula) : เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย เกิดจากการมีช่องเปิดทะลุกันระหว่างทวารหนักและช่องคลอด ซึ่งทำให้เศษอุจจาระไหลเข้าไปในช่องคลอดได้ การรั่วนี้ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ซึ่งสาเหตุของรอยทะลุนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการคลอดบุตรทางช่องคลอด และมีการบาดเจ็บต่อช่องคลอดจนมีรอยทะลุถึงทวารหนัก
  • มะเร็งในช่องคลอด และมะเร็งปากมดลูก (Vaginal cancer, Cervical cancer) : อาการมีอาการตกขาวที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง และ/หรือ มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดร่วมด้วยได้
กลิ่นจากการติดเชื้อ

การรักษากลิ่นเหม็นจากช่องคลอด

แพทย์จะให้รักษาตามสาเหตุของความผิดปกติ เช่น

  • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียหรือการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน แพทย์จะรักษาด้วยการจ่ายยาปฏิชีวนะในรูปแบบยาเม็ดรับประทาน โดยใช้ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ทินิดาโซล (Tinidazole) หรืออัลเบนนาโซล (Albendazole) ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของทั้งปรสิตและแบคทีเรีย
  • การป่วยโรคทริโคโนสิสที่เกิดจากปรสิต แพทย์จะจ่ายยาต้านปรสิต (Anti-parasitic) หรือยาฆ่าหนอนพยาธิ (Anti-helminthic) หากตรวจพบพยาธิได้เร็ว จะใช้ยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) หรือมีเบนดาโซล (Mebendazole) เพื่อฆ่าหนอนและตัวอ่อนของพยาธิที่อยู่ภายในลำไส้
  • การอักเสบที่เกิดจากเชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Thrush) เป็นยาในรูปแบบครีมใส่ภายในช่องคลอดหรือยาเม็ดรับประทาน โดยแพทย์จะใช้ยาอีโคนาโซล (Econazole) ไมโคนาโซล (Miconazole) เฟนติโคนาโซล (Fenticonazole) หรือไอทราโคนาโซล (Itraconazole)
  • มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งในช่องคลอด ต้องตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็ง แล้วรักษาตามอาการป่วยและระยะของมะเร็ง ซึ่งประกอบด้วยการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก รังสีบำบัด และการทำเคมีบำบัด
  • ความผิดปกติของลำไส้ที่ทะลุเข้าสู่ช่องคลอด (Rectovaginal Fistula) แพทย์อาจให้ยารักษาเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด อย่างกลุ่มยาปฏิชีวนะหากรอบ ๆ ลำไส้มีการติดเชื้อ หรือยาอินฟลิกซิแม็บ (Infliximab) เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ เพราะผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณรอบลำไส้บริเวณทวารหนักต้องปราศจากการติดเชื้อหรือการอักเสบก่อนทำการผ่าตัดเคลื่อนย้ายลำไส้ออกจากช่องคลอด

การรักษาด้วยยาจากร้านขายยา

หากช่องคลอดมีกลิ่น หรือพบร่วมกับอาการตกขาวที่ผิดปกติ ในเบื้องต้นสามารถใช้ยาปฏิชีวนะรักษาได้ด้วยตนเอง คือ

  • ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ในรูปแบบยารับประทาน เป็นยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม รับประทาน 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 7 วัน
  • ยาคลินดามัยซิน (Clindamycin) ยาในรูปแบบครีมให้ใส่ภายในช่องคลอดก่อนนอนติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน หรือยาแบบรับประทาน เป็นยาเม็ดขนาด 300 มิลลิกรัม รับประทาน 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 7 วัน

การใช้ยาปฏิชีวนะควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากเภสัชกร หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือในขณะที่กำลังตั้งครรภ์

นอกจากนี้ ไม่ควรใช้วิธีการสวนล้างช่องคลอดในการรักษา เพราะอาจทำให้แบคทีเรียภายในช่องคลอดเสียสมดุลแล้วอาจเกิดอาการอื่น ๆ ตามมาได้ และหากใช้ยารักษาด้วยตนเองแล้วอาการไม่ทุเลาลง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม

การป้องกันกลิ่นเหม็นจากช่องคลอด

  • ควรทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นของเรา เพื่อไม่ให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น  ซึ่งการทำความสะอาดช่องคลอดด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว เพราะช่องคลอดมีสภาพเป็นกรดสูง (pH ประมาณ 4.5) ซึ่งตามธรรมชาติจะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีได้ แต่การใช้สบู่บางชนิดที่มีความเป็นด่างสูง อาจทำให้ความเป็นกรดในช่องคลอดลดลง ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดีได้
  • หลีกเลี่ยงสบู่และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีกลิ่นหอม แนะนำให้ใช้สบู่ที่อ่อนโยนหรือสบู่เด็กในการล้างส่วนพับภายนอกของช่องคลอด
  • หากเป็นช่วงรอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงชนิดที่มีน้ำหอมเพื่อลดการระคายเคือง
  • ใช้กางเกงชั้นในที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ อย่างกางเกงชั้นในผ้าฝ้าย 100 % เพื่อช่วยการระบายความอับชื้น
  • สำหรับการซักชุดชั้นใน อาจใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะทดแทน การใช้ผงซักฟอกที่มีฟองมาก
  • หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงรัดรูปอย่างกางเกงยีนส์ เพราะอาจทำให้ช่องคลอดอับชื้นและมีกลิ่นได้
  • รักษาสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ รวมถึงออกกำลังกายอย่างเหมาะสม นอกจากจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีโดยรวมแล้ว ยังช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ รวมทั้งบริเวณช่องคลอดด้วย
  • เพื่อเป็นการกระตุ้นการขับสารคัดหลั่งภายในช่องคลอดควรดื่มน้ำในปริมาณที่มาก เพราะสารคัดหลั่งภายในจะช่วยทำความสะอาดได้ และยังช่วยกำจัดสารตกค้างจากปัสสาวะที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้
  • เมื่อปัสสาวะเรียบร้อยแล้วให้เช็ดก่อนทวารหนัก หากทำความสะอาดทวารหนักก่อนอาจทำให้แบคทีเรียจากทวารหนักแพร่กระจายไปยังช่องคลอดได้ง่าย ซึ่งจะนำไปสู่การติดเชื้อได้
  • หากมีเพศสัมพันธ์ควรสวมถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายโรคที่เป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยจะช่วยป้องกันและลดปัญหาที่จะตามมาจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเหล่านั้นได้ 
  • ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุ 21-64 ปี ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายบั่นทอนสุขภาพ และเพื่อที่จะสามารถรักษาแก้ไขได้ทันการณ์หากมีเนื้อร้ายก่อตัวขึ้น

ตรวจช่องคลอด ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก