เรื่องสุขภาพเกี่ยวกับช่องคลอด ถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้หญิงทุกคน หากเกิดความผิดปกติขึ้นมา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ แต่จะสัญญาณ หรืออาการใดบ้างที่กำลังบ่งบอกว่า ช่องคลอดกำลังมีปัญหามีความผิดปกติเกิดขึ้น

ช่องคลอด คืออะไร?

คือ อวัยวะสำคัญของผู้หญิงที่ควรใส่ใจ และดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะความผิดปกติเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น อาจทำให้ผู้หญิงเราสูญเสียความมั่นใจ หรืออาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ โดยปกติแล้วช่องคลอดจะมีลักษณะเป็นท่อกล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ มีความยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร เป็นส่วนที่ต่อออกมาจากปากมดลูกถึงอวัยวะเพศภายนอก โดยบริเวณนี้สามารถยืดขยายรับอวัยวะของเพศชาย และสามารถขยายออกได้ขณะคลอดลูก อวัยวะเพศหญิงในแต่ละบุคคลจะมีขนาด รูปทรง และสีที่แตกต่างกัน มีทั้งรูปทรงไข่ขนาดเล็กหรือรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ และมีสีชมพูอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลอมชมพูและแดงเข้ม

การตรวจเช็กว่าช่องคลอด หรือบริเวณอวัยวะเพศสำหรับผู้หญิงทุกคน ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อหาสัญญาณเตือน หรืออาการผิดปกติว่าคุณอาจกำลังมีปัญหาช่องคลอด

เช็คสัญญาณเตือน ความผิดปกติของช่องคลอด

สัญญาณเตือนถึงความผิดปกติที่ช่องคลอดสำหรับผู้หญิง

อาการผิดปกติที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • มีอาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์  โดยเป็นอาการเจ็บปวดบริเวณช่องคลอดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นครั้งคราว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือในขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยปกติแล้วช่องคลอดของผู้หญิงทุกคนจะมีน้ำหล่อลื่นไม่มากก็น้อยแล้วแต่คนไป โดยใช้เป็นสารหล่อลื่น เพื่อให้ไม่เกิดความเจ็บปวดระหว่างการมีเพศสัมธันธ์ แต่เมื่อใดที่หากมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น แล้วมีอาการเจ็บบริเวณช่องคลอดอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นอย่างปัญหารังไข่ ปัญหาความผิดปกติของปากมดลูก เป็นต้น
  • มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) และโรคหนองในเทียม (Chlamydia) ที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก และหากหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซิฟิลิส (Syphilis) ไม่ได้เข้ารับการรักษา อาจทำให้ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
  • มีภาวะช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis) มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) โดยจะสังเกตได้จากตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นออกจากช่องคลอด อาจคันและรู้สึกเจ็บร่วมด้วย มีอาการคันบริเวณช่องคลอดแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ คันภายในช่องคลอด และภายนอกช่องคลอด
    • อาการคันภายใน ต้องสังเกตว่ามีตกขาวร่วมด้วยไหม หรือคันหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์หรือเปล่า และมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ด้านในไหม
    • อาการคันภายนอก ต้องสังเกตว่ามีผื่นคันอยู่ภายนอกไหม อาจเกิดจากความอับชื้น อาการเชื้อราที่ขาหนีบ หรือเป็นผลมาจากการเปลี่ยนของใช้ เปลี่ยนน้ำยาซักผ้า น้ำยาหรือสบู่ซักกางเกงใน ซึ่งสามารถทำให้แพ้ได้
  • มีกลิ่นที่ผิดปกติเกิดขึ้น ที่บริเวณช่องคลอด การมีกลิ่นบริเวณช่องคลอดเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด  โดยเราควรที่จะต้องรู้จักสังเกตตัวเองว่า ช่องคลอดของเรามีกลิ่นแบบไหน โดยหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 3 กลิ่นที่พบได้บ่อย คือ กลิ่นคาว เหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นอับ แต่หากเมื่อใดที่ช่องคลอดมีกลิ่นไม่ถึงประสงค์อย่างรุนแรง อาจส่งผลโดยตรงกับอาการผิดปกติของช่องคลอด  โดยกลิ่นมักจะเกิดจากการที่ช่องคลอดเสียสมดุล เพราะมีการสวนล้างช่องคลอดมากเกินไป หรือเกิดจากการมีตกขาวผิดปกติ อาการคัน มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างใน ภาวะเชื้อราในช่องคลอด ภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย หรืออาจเกิดจากมะเร็งก็เป็นได้
  • มีแผลบริเวณผิวหนังใกล้ช่องคลอด  หรือ มีรอยแผล หรือรอยโรคบริเวณช่องคลอด การเกิดแผลบริเวณช่องคลอดนั้นเป็นเรื่องที่พบได้อยู่บ่อย ๆ เพราะบางครั้งสาเหตุที่เมื่อเราสัมผัสช่องคลอดแล้วอาจเจอก้อนเนื้อเล็ก ๆ หรือมีสิวเกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากขนคุด การใช้มีดโกนบ่อยครั้งหรือการระคายเคืองอื่น ๆ ได้ และการตรวจรอยแผล หรือรอยโรคบริเวณช่องคลอด แพทย์จะต้องตรวจดูว่าเจ็บ หรือเปล่า มีแผลเดียว หรือมีหลายแผล มีลักษณะอย่างไร นูนขึ้นมาแล้วเป็นขุย หรือนูนอย่างเดียว ซึ่งเราสามารถสังเกตตัวเองได้ด้วยการใช้กระจกส่อง แต่หากเมื่อใดที่มีอาการเหล่านี้มากขึ้น ร่วมกับอาการคันและแสบร้อนบริเวณช่องตลอด อาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 
  • มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด โดยสังเกตุเลือดประจำเดือน กับเลือดออกผิดปกติ ซึ่งเลือดประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอ บางคนจะมาเป็นช่วงๆ มีระยะเวลาตั้งแต่ครึ่งวันถึงนานที่สุดประมาณ 8 วัน เมื่อมาแล้วจะหยุดไป แล้วจะเว้นช่วงรอบเดือนไปอีก 21-45 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน  และในช่วงของการมีประจำเดือน การเลือดออกผิดปกตินั้นมีทั้งเลือดออกมาเกินไปและเลือดออกน้อยเกินไป ต้องสังเกตตัวเองว่าเลือดออกทางช่องคลอดมากแค่ไหน และลักษณะการออกของเลือดยาวนานต่อเนื่องไหม หรือออกกะปริบกะปรอย สังเกตว่าสีของเลือดเป็นอย่างไร สีแดงสด แดงจาง หรือสีน้ำตาล และสัมพันธ์กับประจำเดือนไหม เช่น บางทีมีกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเลือดออกระหว่างรอบเดือน หรือในกรณีที่หมดประจำเดือนไปแล้ว ให้ระวังและต้องรีบมาตรวจ เพราะว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ปากมดลูกอักเสบ หรือการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติได้ รวมถึงการมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจจะเป็นอาการของปากมดลูกอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ หรือเป็นมะเร็งก็เป็นได้ เช่นกัน ซึ่งอาจจะต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ อย่างเช่น เนื้องอกในมดลูก ฮอร์โมนผิดปกติ การใช้ยาคุมกำเนิด มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งช่องคลอด           หากมีอาการเลือดออกผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุทันที
  • ภายในช่องคลอดแห้ง โดยทั่วไปแล้วช่องคลอดของเราจะมีลักษณะที่ชุ่มชื้นอยู่แล้ว แต่หากมีภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงที่เราทั่วไปรู้จักกัน ก็อาจส่งผลต่อความชุ่มชื้นของช่องคลอดได้ หากความชุ่มชื้นของช่องคลอดน้อยลงอาจนำไปสู่การติดเชื้อราในช่องคลอดได้
  • คันช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของอาการเชื้อราในช่องคลอด  ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ที่มีสาเหตุจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำหน้าที่เชื่อมมดลูกและผนังช่องคลอดเข้าด้วยกันเกิดการอ่อนแรง ทำให้มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้และผนังช่องคลอดเคลื่อนตัวลงจากตำแหน่งเดิมและอาจส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จาม 
  • มีอาการตกขาว โดยปกติฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงจะผลิตตกขาวอยู่แล้ว โดยแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ ตกขาวปกติ และตกขาวที่เป็นโรค ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของช่องคลอดอักเสบ เชื้อรา หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย
    • ตกขาวปกติ : จะมีสีใสๆ หรือสีขาว ซึ่งจะมีในช่วงก่อน หรือหลังมีประจำเดือน และมีในปริมาณที่ไม่มาก
    • ตกขาวที่เป็นโรค : จะมีสีเขียว สีเหลือง เป็นฟอง ปนเลือด และมีปริมาณมากขึ้น มีกลิ่นคาว กลิ่นเค็ม กลิ่นเปรี้ยว หรือกลิ่นอับ มีลักษณะจับกันเป็นก้อน ข้น เป็นเมือกคล้ายๆ หนอง และมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น ปวดท้องน้อย มีไข้
  • อาการผิดปกติอื่น ๆ ที่พบได้น้อย เช่น มะเร็งช่องคลอดหรือซีสต์ของช่องคลอด (Vaginal Cyst) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์และทำให้ใส่ผ้าอนามัยแบบสอดได้ยาก

ความผิดปกติของช่องคลอดเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเครียดจนกระทบต่อความมั่นใจในตนเองและปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้ ดังนั้นการตรวจช่องคลอดเบื้องต้นด้วยตนเอง ก็จะช่วยให้สาว ๆ สามารถพบความผิดปกติได้เร็วยิ่งขึ้น

การตรวจช่องคลอดด้วยตนเอง

การตรวจช่องคลอด และอวัยวะเพศเบื้องต้นด้วยตนเอง

การตรวจด้วยตนเองในเบื้องต้นอาจช่วยให้พบร่องรอยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความผิดปกติในบริเวณผนังช่องคลอดและปากมดลูก การเปลี่ยนแปลงในบริเวณอวัยวะเพศหญิงภายนอกหรือความผิดปกติอื่น ๆ อย่างรอยด่าง แผลหรือตุ่มบวมที่อาจเป็นสัญญาณของโรคต่าง ๆ ได้

ทั้งนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำการตรวจคือ ช่วงเวลาที่ไม่มีประจำเดือน โดยก่อนการทำการตรวจอวัยวะเพศเบื้องต้นด้วยตนเองนั้น จะต้องงดการใช้ครีมและงดการสวนล้างช่องคลอดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ล้างมือให้สะอาดหรือสวมถุงมือปราศจากเชื้อและระวังการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากเล็บ และต้องจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการตรวจ ได้แก่ กระจก หมอน ผ้าขนหนู ไฟฉายขนาดเล็ก จากนั้นถึงเริ่มตรวจตามวิธีต่อไปนี้

  • ถอดเสื้อผ้าตั้งแต่ระดับเอวลงมา นั่งลงบนเตียง หรือบนพื้นที่รองด้วยผ้าขนหนู โดยให้นั่งหลังพิงกับกำแพงและใช้หมอนรอง ชันเข่าขึ้นและแยกขาออก พยายามไม่เกร็งและอยู่ในท่าทางที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกราน
  • ถือกระจกไว้ในตำแหน่งที่ตรงกับกระดูกเชิงกรานและใช้ไฟฉายขนาดเล็กตรวจดูบริเวณอวัยวะเพศภายนอก ใช้นิ้วแยกแคมทั้งสองข้างออกจากกันอย่างเบามือและทำมุมตั้งฉากกับกระจก ส่องไฟฉายเพื่อให้เห็นภาพภายในช่องคลอด 
  • หากเป็นการตรวจครั้งแรก อาจใช้แผนภาพรายละเอียดของอวัยวะเพศหญิงช่วยเปรียบเทียบลักษณะทั่วไปและตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยฉีก แผล หรือก้อนเนื้อขนาดเล็ก เป็นต้น  
  • อาจจดบันทึกขนาดและสีของบริเวณต่าง ๆ ของอวัยวะเพศ เพื่อให้สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายในการตรวจครั้งต่อไป
  • หากสามารถสอดนิ้วเข้าไปยังช่องคลอดได้ให้ค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไป ซึ่งสัมผัสภายในช่องคลอดจะสัมผัสคล้ายกับเพดานปาก หากพบว่ามีบาดแผล มีอาการเจ็บ หรือสงสัยสิ่งผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย หากไม่มั่นใจกับการสอดนิ้วก็สามารถข้ามขัั้นตอนนี้ได้
  • ดึงนิ้วออกช้า ๆ ตรวจดูตกขาว หรือของเหลว หากมีสีผิดปกติหรือมีกลิ่นควรไปพบแพทย์

ทั้งนี้ การตรวจด้วยวิธีดังกล่าวเป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น ผู้หญิงทุกคนยังคงจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจภายในโดยแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอเพื่อตรวจหาปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อย่างละเอียด เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian Cysts) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื้องอกมดลูก (Uterine Fibroid) และอาการผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย 

วิธีการดูแลช่องคลอดด้วยตัวเอง

ถึงแม้ว่าช่องคลอดจะสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ด้วยน้ำเมือกปกติภายใน แต่การล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศหญิงภายนอกอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้เกิดความสะอาดด้วยเช่นกัน

  1. ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ
  2. ล้างเฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่ควรสวนล้างเข้าไปข้างใน และควรล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง
  3. หลังจากล้างน้ำแล้ว ควรซับให้แห้ง ซับจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรวกกลับมาด้านหน้าอีก
  4. ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการอับชื้น เช่น ใส่กางเกงในที่ตัวเล็กมากหรือผ้าหนา และไม่ควรใส่หลายชั้น เช่น ใส่กางเกงในแล้วทับด้วยกางเกงกระชับสัดส่วน ถุงน่อง กางเกงกันโป๊ เพราะความอบอ้าวจะทำให้เกิดตกขาว ควรใส่ชั้นในที่สบายตัวและอากาศถ่ายเทสะดวก
  5. อย่าปล่อยให้เป้ากางเกงในเปียก พยายามซับให้แห้งทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
  6. เมื่อมีประจำเดือนให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ และล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
  7. การดูแลขน หากไม่จำเป็นอย่าโกนหรือแว็กซ์ขนออก เนื้องจากจะทำให้ผิวบางและแพ้น้ำยาแว็กซ์ได้ สามารถดูแลได้ง่ายขึ้นด้วยการเล็มขนเพื่อลดการอับชื้น
  8. ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันผู้อื่น และซักทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
  9. ทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครกทุกครั้งก่อนใช้ห้องน้ำ
  10. การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  11. หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยสบู่เหลวผสมน้ำหอมและยาฆ่าเชื้อ (Antiseptics) แต่ควรใช้สบู่สูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันการระคายเคืองและรักษาสมดุลของแบคทีเรียชนิดดีและคงค่าความเป็นกรด-ด่างภายในช่องคลอด
  12. วมถึงการจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่ ก็มีความสำคัญต่อสุขภาพไม่แพ้กัน
  13.  รับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีน HPV 
  14. การตรวจภายใน และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคร้าย หรือหากพบโรคก็จะพบได้เร็วในระยะเริ่มต้น ซึ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูงกว่า

การตรวจภายใน สำหรับผู้หญิง ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก