โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่าไวรัสมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย และติดต่อผ่านการไอ จาม หรือหายใจรดกัน เมื่อติดเชื้อในทางระบบทางเดินหายใจส่วนบนแล้ว จะทำให้มีไข้สูง ไอ เจ็บคอ น้ำมูก คัดจมูก จาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลียคล้ายกับไข้หวัด
แต่อาการจะมากกว่าในเด็กเล็กน้อยกว่า 2 ขวบ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอาจเกิดอาการที่รุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดอักเสบและสมองอักเสบ นอกจากนั้นยังทำให้โรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากการติดเชื้อ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับตับและไต อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาล หลังจากหายป่วยแล้วร่างกายอาจมีอาการอ่อนเพลียติดต่อกันไปอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้นการป้องกันการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ ด้วยการฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญ
โรคไข้หวัดใหญ่แบ่งออกได้เป็น 4 สายพันธุ์ ดังต่อไปนี้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1 หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคติดต่อที่แพร่ระบาดจากประเทศเม็กซิโกและลุกลามไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างรวดเร็ด ซึ่งโรคนี้เกิดจากการผสมของไวรัสสายพันธุ์ทั้งคนและสัตว์ จนเกิดการกลายพันธุ์และแพร่กระจายจากคนสู่คนใน อาการที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคนี้คือ ไข้ขึ้นสูง น้ำมูกไหล ไอ ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย โรคนี้มีสามารถใช้ยาต้านที่ชื่อว่า “โอเซลตามิเวียร์” รักษาได้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/ H3N2 เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อจากหมูสู่คนได้ และเคยระบาดหนักในฮ่องกงมาก่อน โรคนี้จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ไข้หวัดฮ่องกง อาการที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคนี้คือ ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดทั่วไป แต่จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจเร็ว เหนื่อย หอบ เป็นต้น
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Colorado ตระกูล Victoria เป็นโรคที่ระบาดในสภาพอากาศเย็นแห้ง หรือในฤดูหนาว จะแพร่กระจายได้ในคนสู่คนเท่านั้น ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวมักมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้ได้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Phuket ตระกูล Yamagata จะระบาดในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงมกราคม โดยกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด คือ เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ
![วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ฉีดได้ที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก](https://phuketmedicalclinic.com/wp-content/uploads/2023/08/วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่-ฉีดได้ที่-ภูเก็ต-เมดิคอล-คลินิก-1024x683.png)
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร ?
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine) เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว โดยผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้แต่อาการจะน้อยลง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ป้องกันไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่น ๆ ได้
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีใช้ในประเทศไทยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซึ่งมี 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์หลัก (trivalent inactivated influenza vaccine) คือ influenza A influenza B และ influenza C แต่ที่มีการเฝ้าระวังกันอย่างจริงจังจะมีแค่ชนิด A และ B เนื่องจากชนิด C พบได้น้อย มีอาการไม่รุนแรง และไม่เกิดการแพร่ระบาดได้มากเท่ากับ 2 ประเภทแรก
- กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์หลัก (quadrivalent inactivated influenza vaccine) ซึ่งครอบคลุมไวรัส 4 สายพันธุ์ดังต่อไปนี้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/ H3N2
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ครอบคลุมมากขึ้นจากเดิม
ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ?
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรทำเป็นประจำทุกปี เพราะเมื่อได้รับวัคซีนไปสักระยะหนึ่งแล้ว ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อโรคจะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งในแต่ละปีสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ดังนั้นจึงต้องฉีดวัคซีนทุกปีเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน และสามารถป้องกันได้ตรงกับสายพันธุ์ที่กำลังระบาด
- แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก่อนฤดูที่มีการระบาด (ฤดูฝน และ ฤดูหนาว) จึงควรฉีดวัคซีนล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน เพื่อให้วัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพสูงซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดพอดีและฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่จะลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่นาน
- การฉีดวัคซีนทุกปี จึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูง ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในแต่ละปี
- วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ แนะนำให้ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือน จนถึงผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- บุคคลทั่วไป สามารถฉีดได้ทุกช่วงอายุ
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคตับ โรคเลือด และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด
- หญิงมีครรภ์ ที่อายุครรภ์ 4 เดือน ขึ้นไป
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป
- เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้พิการทางสมอง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มีอาการ
- ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือ BMI ตั้งแต่ 35 Kg/m2
- ผู้ที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะใน ยุโรป อเมริกา
- ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะต้องเข้าไปในสถานที่แออัด หรือที่มีคนเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้ที่จะไปพิธีแสวงบุญ ผู้จะไปชมกีฬา ไปเที่ยวงานเทศกาลต่าง ๆ
- บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในครั้งก่อน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่อย่างรุนแรง หรือแพ้ส่วนผสมต่างๆ ในวัคซีน (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่มียาปฏิชีวนะและสารกันเสีย)
- หากมีไข้ เจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือโรคประจำตัวมีอาการกำเริบควบคุมไม่ได้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน กรณีเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถรับการฉีดวัคซีนได้
ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- อาการเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น ปวด บวม แดง เกิดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด แต่อาการจะหายไปเองภายใน 2-7 วัน หรือประคบเย็นบริเวณที่ฉีด แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่นนอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์
- หลังฉีดบางรายจะมีไข้ต่ำๆ รู้สึกไม่สบายตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อาจเริ่มมีอาการภายใน 6-12 ชั่วโมง และอาจเป็นนาน 1-2 วัน โดยไม่ต้องรับการรักษา
- ส่วนการแพ้ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตมีน้อยมาก ถ้าหากเกิดขึ้นจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกเสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ มีประโยชน์อย่างไร?
นอกเหนือจากการปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง 4 สายพันธุ์ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B ครอบคลุมสายพันธุ์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทุกปี
- กระตุ้นและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ลดอัตราการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่
- ลดการติดเชื้อในหูชั้นกลางในเด็กได้
- ลดปัญหาจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ป่วยเรื้อรัง
- ลดการใช้ยาปฎิชีวนะ จากภาวะแทรกซ้อนในการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา
- ลดการขาดงานหรือขาดเรียน
- ลดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่
- ปกป้องผู้ป่วยโรคเรื่องรังจากความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อ
- ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุ มากกว่า 65 ปี ได้ 60%
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ภูเก็ตได้ที่ไหน?
ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก