ในปัจจุบันถุงยางอนามัยผลิตจากยางธรรมชาติ (Latex) หรือที่เรียกว่า Male Latex Condom ซึ่งถุงยางประเภทนี้ จะมีราคาถูกแล้ว ยังได้รับการรับรองในเรื่องของคุณภาพ ความทนทาน และยังสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำได้ เช่น เควาย เจล (K-Y jelly) แต่ถ้าเป็นสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมก็อาจทำให้ถุงยางอนามัยประเภทนี้เกิดการเสื่อมสภาพ และชำรุดฉีกขาดได้ หากใครแพ้ยางธรรมชาติก็อาจใช้ถุงยางที่ผลิตมาจากสารสังเคราะห์แทนได้ เช่น Polyurethane (Polyurethane Condom)

แนะนําการใช้ถุงยางอนามัยให้ได้ผลมากที่สุด

ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยใช้สวมอวัยวะเพศชายในขณะร่วมเพศ เพื่อป้องกันน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด เป็นการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม หลายคนเข้าใจว่า การใช้ถุงยางอนามัยจะทำให้ความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ลดน้อยลง ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น ถุงยางอนามัยสามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการร่วมเพศให้มากขึ้นได้ ทั้งในเรื่องของขนาด รูปร่าง สีสัน พื้นผิวซึ่งมีทั้ง

  • แบบเรียบ และแบบที่มีกระเปาะ (ถุงเก็บน้ำอสุจิที่ส่วนปลาย ) 
  • มีกลิ่น และรสของผลไม้ หรือมีกลิ่นน้ำหอม 
  • สามารถเรืองแสงได้ในที่มืดทั้งแบบทึบแสง และแบบบางใส 
  • ถุงยางอนามัยบางชนิดช่วยให้การร่วมเพศนานขึ้นได้ด้วยการเคลือบสาร หรือยาบางชนิด
  • คุณสมบัติอื่นๆ

นอกจากถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายแล้วยังมีถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงด้วยเช่นกัน เพียงแต่อาจไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะค่อนข้างไม่สะดวกในการสวมใส่  สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำออรัลเซ็กส์ หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็มี แผ่นอนามัย  หรือ แผ่นแดม (Dental dam) ให้เลือกใช้เพื่อความปลอดภัยของสุขอนามัยเช่นกัน  

วิธีวัดขนาดถุงยางอนามัย

การวัดขนาดถุงยางอนามัย สามารถวัดอย่างคร่าวๆ ได้จากส่วนสูงของผู้สวมใส่ วิธีนี้ไม่แม่นยำมากนัก หากส่วนสูงไม่เกิน 160 ซม. ควรใช้ถุงยางอนามัยขนาด 49 มิลลิเมตร แต่ถ้ามีส่วนสูงเกิน 160 ซม. ก็ใช้ขนาด 52 มิลลิเมตร

แต่เพื่อความแม่นยำควรวัดที่อวัยวะเพศขณะแข็งตัวจะดีกว่า ก่อนวัดขนาดอวัยวะเพศชายควรกระตุ้นให้แข็งตัวเต็มที่ แล้วจึงวัดขนาดของเส้นรอบวงที่กึ่งกลางอวัยวะเพศ (ไม่ใช่ความยาวของอวัยวะเพศ) เมื่อได้ค่าแล้วนำไปหารสองก็จะได้ขนาดถุงยางอนามัยที่แม่นยำ หน่วยที่ใช้ในการวัดคือ มิลลิเมตร

การเลือกขนาดถุงยางอนามัย ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งขนาดของถุงยางจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยวัดจากเส้นรอบวงองคชาต ไม่ใช่ความยาว เพราะถุงยางอนามัยเกือบทุกยี่ห้อ จะทำความยาวมาเท่า ๆ กัน คือประมาณ 6-7 นิ้วเท่านั้น ใครที่มีอวัยวะเพศที่ยาวกว่านี้ก็อาจไม่สามารถครอบได้หมด ถุงยางอนามัย จะบอกเส้นรอบวงเป็นมิลลิเมตร ดังนี้

  • ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 11-12 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 12-13 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัย ขนาด 54 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 13-14 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
  • ถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 14-15 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 6 นิ้วขึ้นไป)

วิธีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง

  • นำถุงยางอนามัยออกจากซองบรรจุอย่างระมัดระวัง โดยการฉีกมุมซองและระวังมิให้เล็บเกี่ยวถุงยางอนามัยขาด และอย่าคลี่ถุงยางอนามัยออกก่อนการสวมใส่
  • บีบส่วนปลายของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศออก
  • รูดถุงยางอนามัยให้ขอบถุงยางอนามัยที่ม้วนอยู่ด้านนอก
  • สวมถุงยางอนามัยขณะอวัยวะเพศแข็งตัว หากอวัยวะเพศไม่ได้ขลิบส่วนปลายให้รูดหนังส่วนปลายก่อนการสวมใส่ ค่อย ๆ รูดถุงยางอนามัยเข้าหาตัวผู้ใช้จนสุด
  • หลังเสร็จกิจ ให้ดึงอวัยวะเพศออกทันทีและถอดถุงยางอนามัยออกก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว โดยใช้กระดาษชำระ พันโคนถุงยางอนามัยก่อนที่จะถอด หากไม่มีกระดาษชำระจะต้องไม่ให้มือสัมผัสกับถุงยางอนามัย ควรสันนิษฐานว่า ด้านนอกของถุงยางอนามัยอาจปนเปื้อนเชื้อโรคแล้ว
  • ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วให้ทิ้งในถังขยะหรือนำไปเผา

ขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี

  • ทุกคนทั้งเพศหญิง และเพศชายควรมีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี ทั้งนี้เมื่อต้องใช้งานจริงจะทำให้ไม่เกิดปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยที่ผิดวิธี และส่งผลให้การป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ผล
  • นำถุงยางอนามัยออกจากซองบรรจุอย่างระมัดระวัง โดยการฉีกมุมซองและระวังมิให้เล็บเกี่ยวถุงยางอนามัยขาด และอย่าคลี่ถุงยางอนามัยออกก่อนการสวมใส่
  • ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  • สวมถุงยางอนามัยขณะอวัยวะเพศแข็งตัว หากอวัยวะเพศไม่ได้ขลิบส่วนปลายให้รูดหนังส่วนปลายก่อนการสวมใส่ ค่อย ๆ รูดถุงยางอนามัยเข้าหาตัวผู้ใช้จนสุด โดยรูดถุงยางอนามัยให้ขอบถุงยางอนามัยที่ม้วนอยู่ด้านนอก เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  • ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่ชำรุด เช่น ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
  • หลังเสร็จกิจ ให้ดึงอวัยวะเพศออกทันที และถอดถุงยางอนามัยออกก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว โดยใช้กระดาษชำระ พันโคนถุงยางอนามัยก่อนที่จะถอด หากไม่มีกระดาษชำระจะต้องไม่ให้มือสัมผัสกับถุงยางอนามัย ควรสันนิษฐานว่า ด้านนอกของถุงยางอนามัยอาจปนเปื้อนเชื้อโรคแล้ว
  • ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วให้ทิ้งในถังขยะ หรือนำไปเผา
  • ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ควรทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่าแล้วเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรคจะลดลง
วันหมดอายุถุงยางอนามัย

คําแนะนําในการใช้ถุงยางอนามัยให้ได้ผลมากที่สุด

  • ถุงยางอนามัยที่ทําจากลาเท็กซ์ หรือโพลียูริเทน มีคุณสมบัติปกป้องได้เหนือกว่าถุงยางจากธรรมชาติที่ทําจากหนังแกะซึ่งจะมีรูขนาดใหญ่กว่า เชื้อโรคบางชนิดสามารถผ่านได้
  • ขนาดของถุงยางอนามัย ปัจจุบันถุงยางอนามัยจะมีจำหน่ายหลายขนาด ทั้ง 49 52 52.5 53 54 และ 56 มิลลิเมตร ขนาดตรงนี้จะหมายถึงรอบวงของอวัยวะเพศชายขณะแข็งตัวเต็มที่และนำไปหารด้วย 2 จะได้เป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  • ต้องสวมถุงยางคลุมอวัยวะเพศชายทั้งลํา และสวมตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์ไปจนสิ้นสุดกระบวนการ 
  • สวมถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์  หลังจากเสร็จกิจแล้ว ถอดถุงยางอนามัยออกอย่างระมัดระวัง  อย่าให้รั่ว หรือแตก หากใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจํา โอกาสผิดพลาดจะน้อย
  • ห้ามใช้น้ำมัน หรือวาสลีน เพราะจะทําให้ถุงยางอนามัยอ่อนตัวลง และแตกง่าย ควรใช้เป็นสารหล่อลื่นแบบน้ำแทน การใช้สารหล่อลื่นอื่นๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว โลชั่น เบบี้ออยส์ วาสลีน สบู่เหลว ที่ไม่ใช่เจลหล่อลื่นจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ถุงยางอนามัยได้ ดังนั้นควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเท่านั้น
  • วันหมดอายุ จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนนำถุงยางอนามัยใช้งานทุกครั้ง เนื่องจากสารหล่อลื่นที่อยู่ในซองถุงยางอนามัยนั้นอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุไปแล้ว เมื่อนำมาใช้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือถุงยางอนามัยชำรุดได้
  • บีบไล่อากาศที่ปลายถุงยางก่อนใส่ทุกครั้ง ก่อนสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งควรบีบไล่อากาศออกก่อน เพราะอากาศที่อยู่บริเวณปลายถุงยางอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาดได้ง่าย
  • สวมถุงยางอนามัยให้ถูกด้าน เมื่อฉีกถุงยางอนามัยออกมาจากซองแล้ว ให้หันด้านที่มีกระเปาะตรงส่วนหัวออกด้านนอก และสวมลงบนอวัยวะเพศที่แข็งตัวอยู่ ถ้าสวมถูกด้านจะสามารถรูดถุงยางอนามัยลงได้ง่าย
  • เก็บรักษาถุงยางอนามัยใหม่ในที่เย็นและแห้ง นั่นหมายความว่า ถุงยางอนามัยเก่าเก็บที่พกในกระเป๋าสตางค์ของคุณนานเป็นปีๆ นั้นอาจเสื่อมสภาพไปแล้ว

สรุปแล้วการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรป้องกันตัวเอง และผู้อื่นด้วยการใช้ถุงยางอนามัย จะช่วยลดปัญหาที่ตามมาภายหลัง ทั้งการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยควรเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ ไม่ควรเขินอายเพราะกลัวว่าจะถูกล้อเลียนในตอนซื้อหรือตอนใช้ รวมถึงการพกถุงยางอนามัยไว้กับตัวเองตลอดเวลา ที่สำคัญคือใช้ถุงยางถูกวิธีด้วย

ติดต่อเรา

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก