โรคภูมิแพ้ โรคยอดฮิตที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด และเป็นได้ทุกเพศทุกวัย  โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไวผิดปกติ โดยเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา  ซึ่งปกติแล้วสารเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายกับคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะไวต่อสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น เชื้อรา ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ อาหาร ฯลฯ ส่งผลให้เกิดอาการไอ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก มีผื่นคันแดง คันตา ฯลฯ แต่สามารถป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจหาสาเหตุของภูมิแพ้ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การป้องกันตนเองอย่างตรงจุดซึ่ง ทางการแพทย์จึงได้มีการทดสอบภูมิแพ้ที่ช่วยค้นหาสาเหตุของการแพ้ เพื่อให้คนไข้ดูแลตัวเองได้ง่ายขึ้น

อยากรู้ว่าเป็นโรคภูมิแพ้อะไร ด้วยการตรวจภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่มีอาการ แสดงออกได้หลายรูปแบบ ทั้งทางผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบทางเดินอาหาร  โดยการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้นั้นต้องอาศัยทั้งประวัติการเจ็บป่วยทั้งในปัจจุบัน และอดีต ประวัติครอบครัว และการตรวจร่างกาย มาประกอบกันเพื่อวินิจฉัยให้ตรงโรคภูมิแพ้มากที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยแยกโรคที่อาจไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ แต่เป็นโรคทางกายอย่างอื่นๆ ได้อีกด้วย 

วิธีตรวจภูมิแพ้ หรือวิธีการทดสอบภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง?

วิธีตรวจภูมิแพ้ Allergy Screening ในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้นั้น แพทย์จะทำการซักประวัติสุขภาพ ร่วมกับการทดสอบหาสารก่อภูมิแพ้ โดยเลือกวิธีการทดสอบที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล ซึ่งมีการตรวจ 3 วิธีหลักๆ ดังนี้

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy skin testing)

แพทย์จะนำน้ำยาทดสอบภูมิแพ้ที่สกัดมาจากสารชนิดต่าง ๆ มาทดสอบที่ผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อดูว่าผู้ป่วยมีปฏิกิริยาต่อสารชนิดใดบ้าง สารที่ใช้ทดสอบเป็นสารที่พบก่อให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย ๆ เช่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรหญ้า 

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังมี 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

1. วิธีสะกิด (skin prick test) เป็นการทดสอบโดยหยดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังที่แขน และใช้เข็มสะกิดตรงกลางหยดน้ำยา เพื่อเปิดผิวหนังชั้นบนออก ถ้าผู้ป่วยแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ก็จะเกิดปฏิกิริยาขึ้นโดยเกิดรอยนูน (wheal) และ ผื่นแดง (flare) สามารถอ่านผลได้ในเวลา 20 นาที หลังการทดสอบ วิธีนี้ทำง่าย, เร็ว, ไม่เจ็บและใช้อุปกรณ์น้อย เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายน้อย

2.วิธีฉีดเข้าในผิวหนัง (intradermal test) เป็นการฉีดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้เข้าในชั้นผิวหนังให้เกิดรอยนูนเป็นจุดเล็ก ๆ สามารถอ่านผลในเวลา 20 นาที หลังฉีดโดยวัดขนาดของรอยนูนที่ขยายใหญ่ขึ้น วิธีนี้ทำยากกว่า เสียเวลามากกว่า เจ็บกว่า และต้องใช้อุปกรณ์มากกว่า และเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายได้มากกว่า

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหืดตั้งแต่เด็ก, จามเป็นหวัดบ่อย, ผื่นแพ้
  • สามารถทำได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ผลการทดสอบจะแม่นยำมากในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป

การเตรียมตัวก่อนการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางผิวหนัง

  • งดทานยาแก้แพ้ (Antihistamine) ยาสเตียรอยด์ ก่อนทำการทดสอบ 1-2 สัปดาห์
  • หากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาใด ๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการทดสอบ เพราะยาบางชนิดอาจมีผลต่อการทดสอบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่ควรเป็นไข้ หรือมีอาการเจ็บป่วยใด ๆ ก่อนทำการทดสอบ
  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ และอาหาร

การตรวจเลือดหาภูมิต้านทานต่อสารก่อภูมิแพ้ (Serum Specific IgE)

วิธีนี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ เนื่องจากไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ทั่วร่างกาย เป็นการเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันชนิดที่จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด (specific IgE) ทั้งสิ่งที่ปะปนในอากาศและอาหาร เช่น ไรฝุ่น สุนัข แมว เกสรหญ้า  ไข่ แป้งสาลี ถั่วลิสง เชื้อรา นมวัว กุ้ง อาหารทะเล

ข้อดีของการตรวจด้วยวิธีนี้ คือ ปลอดภัยในผู้มีโอกาสเกิดปฏิกิริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ ทำได้ในเด็กเล็ก และไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้ก่อนทำการทดสอบ  แต่การตรวจด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังแบบ Skin Test ไม่ทราบผลทันที ใช้เวลารอผลประมาณ 1 สัปดาห์

การทดสอบภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือดเหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ผิวหนังมีการอักเสบมาก หรือมีผื่นลมพิษชนิด dermatographism
  • ผู้ที่เคยมีการแพ้อย่างรุนแรงต่อสารที่ต้องการทดสอบ
  • ผู้ที่ไม่สามารถหยุดยาต้านฮีสตามีน หรือยาอื่น ๆ ที่มีผลรบกวนการทดสอบได้
  • ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน

การเตรียมตัวก่อนการทดสอบตรวจภูมิแพ้ด้วยการตรวจเลือด

  • ก่อนเจาะเลือดควรปรึกษาอายุรแพทย์เฉพาะโรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิกก่อน
  • ผู้รับการตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร และงดยาแก้แพ้ก่อนการตรวจ
  • แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่หลวมสบาย เสื้อแขนสั้น หรือไม่รัดแขน เพื่อความสะดวกในการเจาะเลือด

ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดใด อาการรุนแรงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม GED good life แนะนำให้ผู้ป่วยภูมิแพ้เข้ารับการทดสอบในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทางทดสอบ อ่านผล และให้การรักษา เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง

การตรวจเลือดหาภูมิต้านทานต่อสารก่อภูมิแพ้

การทดสอบการแพ้อาหาร Oral Food Challenge Test

การทดสอบด้วยวิธีนี้เหมาะกับกลุ่มภูมิแพ้อาหารชนิดรักษาได้ ซึ่งผู้เข้ารับการตรวจจะต้องผ่านการรักษามาสักระยะหนึ่งแล้ว เป็นการทดสอบเพื่อช่วยยืนยันผลการรักษา และยืนยันการแพ้อาหารว่าจริงหรือไม่ 

ในการทดสอบผู้เข้ารับการตรวจต้องลองทานอาหารที่แพ้โดยการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ โดยก่อนเข้ารับการทดสอบด้วยวิธีนี้ผู้เข้ารับทดสอบต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงระดับความรุนแรงของการแพ้ จากการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง Skin Test หรือการทดสอบโรคภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด Allergy Blood Test มาก่อน เพื่อป้องกันอันตรายในการแพ้รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทดสอบ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดใด อาการรุนแรงมากน้อยหรือไม่ การเลือกวิธีการทดสอบในโรคภูมิแพ้จะเป็นไปตามดุลยพินิจของของแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลที่แม่นยำ นำไปสู่การรักษาที่ถูกจุดต่อไปและ ร่วมกับการตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งการทดสอบแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป

การตรวจภูมิแพ้ ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก