โรคเริม เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้มาก อีกทั้งเชื้อจะคงอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิตด้วย และสามารถติดต่อหากันได้ง่าย ผ่านการสัมผัส จับแผล จูบ รวมถึงผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ทำความเข้าใจอาจเป็นอันตรายได้

ซึ่งโรคสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยมักพบผู้ป่วยวัยหนุ่มสาว และวัยผู้ใหญ่ ผู้ป่วยโรคเริมส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการของโรค และอาจมีการกำเริบกลับมาเป็นซ้ำได้อีก

โรคเริมที่อวัยวะเพศจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยมักจะได้รับเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ โดยเพศหญิงจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากกว่าเพศชาย ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ บางรายอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วย หรือในช่วงที่มีประจำเดือน 

โรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมมีกี่ชนิด?

โรคเริม (Herpes simplex) คือ โรคติดต่อทางผิวหนัง หรือทางเพศสัมพันธ์ผ่านการสัมผัสกับเชื้อไวรัส HSV-1 หรือ HSV-2 ที่ทำให้เกิดเริมที่ปาก หรือเริมที่อวัยวะเพศ  ทำให้เกิดอาการคันยุบยิบ ตุ่มน้ำใส แผลพุพอง ปวดแสบปวดร้อน และมีไข้ ในขณะที่บางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เริมเป็นโรคติดเชื้อที่รักษาได้แต่ไม่หายขาด ผู้ที่เคยเป็นเริมแล้วสามารถกลับมาเป็นโรคซ้ำเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายลดต่ำ

สามารถแบ่งโรคเริม ออกได้เป็น 2 ชนิดตามลักษณะของการติดเชื้อโรคเริมบนร่างกาย โดยโรคเริมทั้ง 2 ชนิดสามารถติดต่อ และแสดงอาการที่บริเวณส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ เริมทั้ง 2 ชนิด ได้แก่

  1. Herpes simplex virus type I: HSV-1 ที่ทำให้เกิดแผลหรือตุ่มน้ำพองที่บริเวณปาก ใบหน้า โพรงจมูก หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของผิวหนังเหนือสะดือ เริมที่ปาก เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HSV-1 เช่น น้ำลาย ที่ทำให้เกิดตุ่มน้ำใส แผลพุพอง ผื่นบวมแดง และบาดแผลแสบร้อน
  2. Herpes simplex virus type II: HSV-2 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HSV-2 ที่ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง แผลพุพอง และอาการเจ็บปวดที่บริเวณอวัยวะเพศชาย หรือที่บริเวณอวัยวะเพศหญิง

โรคเริมที่อวัยวะเพศ คืออะไร?

โรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) คือ อาการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ บริเวณอวัยวะเพศ ส่งผลให้มีอาการเจ็บ คัน เกิดบาดแผลหรือตุ่มพองบริเวณอวัยวะเพศชาย หรือ อวัยวะเพศหญิง และอาจมีอาการเจ็บขณะปัสสาวะร่วมด้วย 

สาเหตุโรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมที่อวัยวะเพศเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus type II: HSV-2) เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดเริมที่อวัยวะเพศ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายถึงแม้จะไม่มีบาดแผลเปิด  

โดยไวรัส HSV สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง และฝังตัวอยู่ภายในเส้นประสาทบริเวณเชิงกราน โดยอาการของโรคจะปรากฏขึ้นเมื่อเชื้อไวรัสเคลื่อนตามเส้นประสาทออกมายังผิวหนัง ซึ่งผู้หญิงและผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยจะมีโอกาสสูงต่อการได้รับเชื้อไวรัสและเกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ

นอกจากนี้ ไวรัสทั้งสองชนิดยังพบได้ในสารคัดหลั่ง อย่างน้ำลาย อสุจิ หรือตกขาว แต่เชื้อดังกล่าวจะตายอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่นอกร่างกาย ทำให้โอกาสในการติดเชื้อไวรัสจากการใช้ห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัว หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นไปได้น้อย 

โดยสามารถรับเชื้อได้โดยวิธีดังต่อไปนี้ 

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน โดยผ่านการสอดใส่ระหว่างอวัยวะเพศชาย-หญิง การมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง หรือทางทวารหนัก หรือการสัมผัสถูไถระหว่างอวัยวะเพศหญิง-หญิง
  • การทำออรัลเซ็กส์ หรือได้รับการทำออรัลเซ็กส์จากผู้ที่ติดเชื้อโรคเริม
  • การสัมผัสแบบแนบชิด เนื้อแนบเนื้อ แม้ปราศจากการหลั่ง
  • การติดเชื้อจากการใช้เซ็กส์ทอย (Sex toy) ร่วมกันกับผู้ที่ติดเชื้อ
  • การสัมผัสกับแผลติดเชื้อ หรือตุ่มน้ำพอง รวมถึงคุณแม่ติดเชื้อที่ให้นมบุตร
  • การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดบุตร โดยคุณแม่ที่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
อาการโรคเริมที่อวัยวะเพศ

อาการโรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมแสดงอาการเริ่มต้นด้วยอาการคันยุบยิบบริเวณที่ติดเชื้อไวรัส HSV จากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำพองใส อักเสบ และเจ็บแสบบนฐานของผื่นบวมแดงที่รวมกลุ่มกันบนผิวหนัง โดยมีอาการประมาณ 2-3 วันจนถึง 1-2 สัปดาห์ และสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัส จากนั้นตุ่มน้ำพองใสจะแตกออก มีเลือดไหลซึม แล้วจึงตกสะเก็ดเมื่อแผลสมานตัว

ในเพศชายจะปรากฏอาการของโรคบริเวณอวัยวะเพศ ถุงอัณฑะ หรือบริเวณสะโพกใกล้กับทวารหนัก ส่วนในเพศหญิงจะปรากฏอาการของโรคบริเวณช่องคลอด ทวารหนัก และสะโพก 

 โรคเริมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาจมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก โดยหลังจากที่อาการของโรคหายไปแล้ว เชื้อไวรัส HSV จะยังคงฝังตัว หลบซ่อนอยู่บริเวณปมประสาท (Ganglion) ของร่างกายโดยไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาตราบจนภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำ อาการของโรคเริมจึงจะเริ่มปรากฎให้เห็นขึ้นอีกครั้ง โดยอาการของโรคเริม มีดังนี้

  • มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต และอ่อนเพลีย
  • กลุ่มของตุ่มน้ำพองใส หรือแผลพุพองเล็ก ๆ ที่ขึ้นบริเวณรอบ ๆ ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า หรืออวัยวะเพศ
  • อาการคันระคายเคือง เจ็บแสบที่อวัยวะเพศ หรือรอบ ๆ ทวารหนัก
  • อาการเจ็บแสบที่อวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia)
  • อาการเหมือนมีหนามแหลมเล็ก ๆ ทิ่มตำ อาการแสบคับหรือแสบร้อน
  •  มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ
  • มีอาการตกขาว (ในเพศหญิง) มีกลิ่นคาว
  • อวัยวะเพศบวมแดง
    เกิดรอยแตกหรือรอยแดงบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ แต่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือคั

การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ

ปัจจุบันโรคเริมยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและบรรเทาอาการได้โดยการใช้ยาต้านไวรัส 

ฉะนั้นทันทีที่แพทย์ระบุผลการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคเริม แพทย์จะทำการรักษาด้วยการให้ยาต้านไวรัสเพื่อยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส HSV ร่วมกับยาระงับความเจ็บปวด ทั้งนี้การพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อรับยาต้านไวรัสตั้งแต่เมื่อเริ่มมีอาการคันที่ปาก หรือที่อวัยวะเพศจะช่วยลดการอักเสบจากการติดเชื้อ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยไม่ให้แผลลุกลาม และลดความถี่ของการกลับมาเกิดซ้ำ อีกทั้งลดโอกาสการแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่น  ซึ่งแพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาตั้งแต่ที่ผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการ 

ยาที่แพทย์ใช้รักษาโรคเริม ได้แก่

  • ยาต้านไวรัส HSV ได้แก่ ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ยาแฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) ยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir)
  • ยาระงับความเจ็บปวดชนิดรับประทาน เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
  • ยาต้านการอักเสบกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs)
  • ยาแก้ปวดชนิดที่ทาลงบนแผลเริมชนิดที่เป็นเนื้อครีม หรือขี้ผึ้ง เช่น ยาเบนโซเคน (Benzocaine) ยาไลซีน (L-lysine) ยาโดโคซานอล (Docosanal)

นอกจากนี้ ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ เช่น การใช้ยาแก้ปวดทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการ ใช้สบู่อ่อน ๆ อาบน้ำอุ่น รักษาความสะอาดบริเวณที่ติดเชื้อและทำให้แห้งอยู่เสมอ สวมชั้นในผ้าฝ้ายเพื่อไม้ให้เกิดความอับชื้นบริเวณที่ติดเชื้อ

ตรวจโรคเริมที่อวัยวะเพศที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก