โรคมะเร็ง ถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตของประชากรไทยตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมะเร็งมีโอกาสเกิดขึ้นกับคนอายุน้อยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากผลกระทบภายในและภายนอกร่างกาย ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้น ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

โรคมะเร็ง คืออะไร ?

โรคมะเร็ง (Cancer) หรือเนื้องอกร้าย (Malignant tumors) คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวและเจริญเติบโตอย่างไร้ขอบเขตและไร้การควบคุม เซลล์ร้ายพัฒนากลายเป็นก้อนมะเร็งที่รบกวนการทำงานของเซลล์ปกติในอวัยวะ และแพร่กระจายลุกลามผ่านทางระบบเลือด และระบบทางเดินน้ำเหลืองไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ปอด ตับ ลำไส้ เต้านม หรือต่อมน้ำเหลือง 

โรคมะเร็งมีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดของโรค และชนิดของเซลล์มะเร็ง

โรคมะเร็ง

โดยทั่วไปมะเร็งแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้

  1. Carcinoma คาซิโนมา คือ มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากผิวหนัง หรือ เนื้อเยื่อบุอวัยวะ
  2. Sarcoma ซาโคมา คือ มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อ หรือเส้นเลือด
  3. Leukemia ลิวคีเมีย คือ มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีความผิดปกติของเม็ดเลือด
  4. Lymphoma and myeloma ลิมโฟมา และ ไมอีโลมา คือ มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
  5. Central nervous system cancers ระบบสมอง และไขสันหลัง

สาเหตุโรคมะเร็ง

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด ทราบแต่เพียงสาเหตุส่งเสริมที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ดังนี้

  1. เชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไวรัส เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งโพรงจมูก หรือไวรัสตับอักเสบ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ หรือ เชื้อแบคทีเรียบางชนิด เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
  2.  พยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและทางเดินน้ำดีได้
  3.  สารเคมีหลายชนิดก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น พวกแอสเบสทอส ทำให้เกิดมะเร็งปอด เป็นต้น 
  4.  ยาบางชนิด เช่น ยาฮอร์โมน หรือยารักษามะเร็งบางชนิด ไม่ควรรับประทานเอง ควรจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เป็นต้น
  5.  การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา
  6. สาเหตุภายในร่างกาย เช่น กรรมพันธ์ที่ผิดปกติ ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน ภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง เป็นต้น

อาการโรคมะเร็ง

อาการผิดปกติต่างๆ ดังนี้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

  • เริ่มรู้สึกว่ากลืนอาหารลำบาก หรือรู้สึกเสียดแน่นท้องบ่อยๆ ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • เสียงเริ่มแหบ และไอเรื้อรัง
  • ไอเป็นเลือด
  • อาเจียนเป็นเลือด
  • ปัสสาวะสีแดงปนเลือด
  • ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือเป็นมูกเลือด
  • ท้องผูกสลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • มีเลือดออกผิดปกติบริเวณตำแน่งต่างๆ เช่น ทวารหนัก ปากมดลูก
  • มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือมีประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • มีไข้ต่ำ ๆ หาสาเหตุไม่ได้
  • มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้
  • ผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดลงจากเดิม 10%
  • มีจ้ำห้อเลือดง่ายหรือมีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
  • ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือแขน/ ขาอ่อนแรง หรือชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
  • ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจร่วมกับแขน/ ขาอ่อนแรง
  • เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นในร่างกายแล้วแผลหายช้า หรือเป็นแผลเรื้อรัง
  • เมื่อคลำพบก้อนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • เมื่อไฝ หูด หรือปานในร่างกายตามส่วนต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง เช่น ใหญ่ขึ้น หรือสีเปลี่ยน
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ทานอาหารได้น้อย
การรักษาโรคมะเร็ง

การรักษาโรคมะเร็ง

การรักษามะเร็งสามารถกระทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ประเภท ระยะของการดำเนินโรค และความต้องการเฉพาะบุคคล และการตรวจพบโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกย่อมเป็นผลดีต่อการรักษา ซึ่งวิธีการรักษามีดังต่อไปนี้

  • การผ่าตัด (Surgery)  การผ่าตัดเป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะแรกเริ่ม โดยสามารถรักษาให้หายขาดได้ ในบางกรณี อาจใช้การฉายแสงหรือใช้เคมีบำบัดควบคู่ เพื่อลดขนาดเซลล์มะเร็งก่อนการผ่าตัด
  • การบำบัดด้วยรังสี (Radiotherapy) ใช้พลังงานรังสีที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อลดขนาดเนื้องอกผ่านการฆ่าเซลล์มะเร็ง วิธีนี้มักใช้ร่วมกับเคมีบำบัดในช่วงการผ่าตัด การรักษาด้วยรังสีอาจเป็นทางเลือกหลักในการรักษาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งในระยะลุกลาม
  • การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) การให้ยาเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งผ่านการกินหรือฉีดเข้าเส้นเลือดนอกจากนี้เคมีบำบัดยังสามารถใช้บรรเทาอาการปวดจากก้อนมะเร็ง
  • การรักษามะเร็งด้วยยาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) การรักษาด้วยยาแบบกำหนดเป้าหมายจะเน้นการทำให้เซลล์มะเร็งตาย โดยการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์ปกติ โดยแพทย์จะทำการตรวจวิธีการกลายพันธุ์ของยีนก่อน
  • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) อาศัยหลักการใช้ภูมิคุ้มกันเพื่อจัดการกับเซลล์มะเร็งในร่างกายผ่านการฉีดยาเพื่อเข้าไปขัดขวางกระบวนการผลิตโปรตีนที่เซลล์มะเร็งใช้ในการป้องกันไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตี
  • การรักษาแบบผสมผสานและการจัดการกับความเจ็บปวด (Palliative care and pain management) เป็นรูปแบบการดูแลประคับประคองให้ผู้ป่วย มีสุขภาพจิตที่แข็งแรงหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและเข้ารับการรักษา จากงานวิจัยพบว่าผู้ป่วยมะเร็งสามารถมีอายุกว่าถึง 3 เดือนหากได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง

การรักษาโรคมะเร็งอาจเป็นวิธีใดวิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ

  • ระยะโรค
  • ชนิดของเซลล์มะเร็ง
  • เป็นมะเร็งของเนื้อเยื่อ/ อวัยวะใด
  • ผ่าตัดได้หรือไม่ หลังผ่าตัดยังคงหลงเหลือก้อนมะเร็งหรือไม่
  • ผลพยาธิวิทยาชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร
  • อายุ
  • สุขภาพผู้ป่วย

ตรวจโรคมะเร็งที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
จองคิวออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เวลาทำการ 🕙 10:00-18:00 น. ทุกวัน
เบอร์ติดต่อ ☎️ 096-696-2449
Line id : @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ) หรือ https://lin.ee/R1TKRDo
แผนที่ 📌https://goo.gl/maps/xu45eTQUTjgpukJa7
Website 🌐https://phuketmedicalclinic.com
ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
Inbox : m.me/100483916443107
สุขภาพคุณให้เราดูแล#คลินิกภูเก็ต
Phuket #Clinic #ภูเก็ตเมดิคอลคลินิก